บทที่1

ลกและจักรวาลเกิดขึ้นเองหรือพระเจ้าเป็นผู้สร้าง
    มีคำถามที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคน (1) มนุษย์มาจากไหน?  (2) มนุษย์มาอยู่ที่นี่ทำไม?  (3) มนุษย์ตายแล้วไปไหน?  (4) ทำไมมนุษย์จะต้องตาย  (5) มนุษย์จะถูกพิพากษาในวันสิ้นโลกไหม?  คำตอบอยู่ในบทเรียนที่ท่านจะเรียนนี้
    โลกที่เราอาศัยอยู่นี้มหัศจรรย์จริง ๆ ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ นับตั้งแต่สัตว์เซลเดียวตัวเล็ก ๆ ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นจนถึงสัตว์มหึมาเท่าช้างหรือปลาวาฬนอกจากสิ่งมีชีวิตนานาชนิดรวมทั้งมนุษย์แล้วก็ยังมีสิ่งไม่มีชีวิต เช่น แร่ธาตุ, สารเคมีและวัตถุต่าง ๆ ที่ประกอบเป็นโลกของเราอันสวยสดงดงาม  สิ่งเหล่านี้มาจากไหน?  เกิดมาเองหรือมีผู้สร้าง?

https://en.wikipedia.org/wiki/Circinus_Galaxy
พระเจ้าได้เสนอข้อพิสูจน์ไว้ในธรรมชาติ
    คำว่าธรรมชาติในที่นี้หมายถึง ทุกสิ่งในจักรวาลและในโลกรวมทั้งสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  ต้องมองด้วยกล้องจุลทรรศน์  สารพัดทุกสิ่งในธรรมชาติแสดงให้เห็นฝีพระหัตถ์ของพระผู้ทรงสร้าง  ดูความสวยงามของธรรมชาติ ท้องฟ้าสีคราม  ดวงดาวนับจำนวนไม่ถ้วนในท้องฟ้า  สารพัดทุกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
    สิ่งเหล่านี้ในตัวของมันเองไม่ได้สอนเราหรือว่าคงจะต้องมีผู้สร้างมันขึ้นมามันคงไม่เกิดขึ้นมาเองแน่  คงจะมีผู้สร้างทุกสิ่งและทุกสิ่งก็ขยายพันธุ์ของมันเองตาม "กฎแห่งการแพร่พันธุ์" (Law of Procreation)  พิจารณาดูทุกสิ่งในธรรมชาติ  เราเห็นว่าไม่มีอะไรสักสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีผู้สร้าง  ถูกแล้วเมื่อมองธรรมชาติ  เราไม่เห็นพระเจ้า  แต่ในธรรมชาติเราเห็นความมหัศจรรย์อันเร้นลับ  และฤทธานุภาพของพระเจ้าสำแดงในธรรมชาติ
    อัครสาวกเปาโลกล่าวไว้ในหนังสือโรม 1:19-20  "เหตุว่าการที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็มีแจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย  ด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงความนั้นแก่เขาแล้ว  ด้วยว่าอาการของพระเจ้าซึ่งเห็นไม่ได้นั้น คือฤทธานุภาพอันถาวร  และสัมภวะของพระองค์  ก็ทรงปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างนั้นตั้งแต่แรกสร้างโลก  เขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวได้"
    จากข้อความนี้ชี้แจงว่า มนุษย์ทั่วใต้ฟ้าไม่มีข้อแก้ตัวได้ว่า เขาไม่รู้จักพระเจ้า  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?   ...เหตุที่เป็นเช่นนั้นได้ก็เพราะพระเจ้าได้สำแดงพระองค์เองไว้ในธรรมชาติ  เมื่อมองดูธรรมชาติผู้มีสติปัญญาควรจะคิดว่ามันมิได้เกิดขึ้นเอง  จะต้องเป็นฝีมือผู้ที่เป็นสถาปนิกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีฤทธานุภาพอยู่เบื้องหลัง  เป็นผู้บันดาลให้สารพัดทุกสิ่งเกิดขึ้น
    ยามค่ำคืนอันสงบเงียบท่านแหงนตาขึ้นไปดูท้องฟ้าอันสวยงาม ท่านเคยแปลกใจไหมว่าดวงดาวอันระยิบระยับในท้องฟ้าเหล่านั้นมาจากไหนกันแน่?  ถ้าท่านแปลกใจแสดงว่าท่านไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้เดียวที่มีความคิดเช่นนั้น  เกือบทุกคนในโลกนี้จะมีคำอธิบายว่าจักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไร  ปัญหาก็คือว่าคำอธิบายเหล่านี้มีความแตกต่างและขัดแย้งซึ่งกันและกัน  คำอธิบายที่แตกต่างกันนี้จะทำให้คำอธิบายทั้งหมดเป็นความจริงไม่ได้  คำอธิบายใดเป็นคำอธิบายที่ถูก?
    วิธีหนึ่งที่จะค้นดูความจริงก็โดยการมองดูรอบ ๆ จักรวาลและให้จักรวาลเป็นคำตอบให้เรา  เมื่อเราดูจักรวาลเราพบว่ามีแบบที่มหัศจรรย์  ตัวอย่างเช่นโลกของเราโคจรรอบดวงอาทิตย์  อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์อย่างพอเหมาะพอเจาะ  และพิจารณาดูการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของมนุษย์ซึ่งดีกว่าเครื่องจักรที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น  ในเมื่อมีแบบ  ข้อสรุปก็คือจะต้องมีผู้ออกแบบ  เรารู้ว่าจักรวาลจะต้องถูกสร้างขึ้น  ผู้ที่มีสติปัญญาล้ำเลิศผู้สามารถออกแบบโลกของเราได้อย่างมหัศจรรย์  ใครหนอเป็นผู้ออกแบบที่มีสติปัญญาล้ำเลิศ
    กษัตริย์ดาวิดแหงนตาดูท้องฟ้าแล้วตรัสว่า  "ฟ้าสวรรค์แสดงพระรัศมีของพระเจ้า  และท้องฟ้าประกาศพระหัตถกิจ" (บทเพลงสรรเสริญ 19:1)
    ข้อความนี้ชี้แจงให้เห็นความอัศจรรย์ในธรรมชาติที่ประกาศพระหัตถกิจของพระเจ้า  สังเกตดูความเร้นลับในธรรมชาติทำให้เราคิดว่าจะต้องมีผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา  มีหลักสามประการที่ทำให้เราคิดว่าจะต้องมีผู้สร้าง คือ
    (1) แบบแปลน : สะท้อนให้เห็นว่าจะต้องมีผู้ออกแบบ
    (2) ระเบียบ : สะท้อนให้เห็นว่าจะต้องมีผู้จัดระเบียบ
    (3) สติปัญญา : ทั้งแบบอันประณีต และระเบียบอย่างไม่มีที่ติ แสดงให้เห็นว่าจะต้องมีผู้มีสติปัญญาอยู่เบื้องหลัง  ผู้มีสติปัญญาก็คือ พระเจ้า  ไม่ใช่สสาร  ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเองโดยบังเอิญ
    โดยอาศัยหลักสามประการดังกล่าว  เราจะได้พิจารณาดูความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ในบทต่อ ๆ ไป

ตอบคำถาม คลิกที่นี่  https://docs.google.com/forms/d/1jtNj0PECn4tWcPxq7Cv2_KpZHPhVcX9_gYRz8YMRAao/viewform