บทที่ 4

แบบที่อัศจรรย์ในอาณาจักรของสัตว์

    แม้พวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการยังยอมรับว่า  ถ้ามีบทประพันธ์จะต้องมีนักประพันธ์  ถ้ามีรูปภาพจะต้องมีจิตกรที่วาดภาพ  ถ้ามีแบบก็ต้องมีนักออกแบบ  แต่พวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าวว่า  แบบที่เราเห็นในธรรมชาติยังไม่พอที่แสดงให้เห็นว่ามีพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้ออกแบบที่ยิ่งใหญ่  พวกเขาไม่อยากยอมรับว่าสัตว์มากมายที่อัศจรรย์ซึ่งอาศัยอยู่บนโลกได้ถูกออกแบบ  ข้อสรุปของพวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการถูกต้องแล้วหรือ?  หรือว่าหลักฐานจากแบบของสัตว์ต่าง ๆ ในโลกนี้ชี้ให้เห็นว่ามีพระเจ้าผู้ออกแบบที่ยิ่งใหญ่  ให้เรายกตัวอย่างสัตว์บางชนิด เมื่อพิจารณาดูแล้วท่านตัดสินใจด้วยตัวเองว่า สัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้ถูกออกแบบสร้างขึ้น หรือว่ามันเกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ

มังกรโคโมโด
    ในทุ่งหญ้าบนเกาะโคโมโดประเทศอินโดนีเซีย  มีสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  มันมีรูปร่างคล้ายกับตัวเงินตัวทองในประเทศไทย  มันกำลังนอนนิ่งคอยเหยื่ออย่างสงบบังเอิญกวางตัวหนึ่งเดินผ่านมาทางเจ้านักล่าตัวนั้นพอดี  ชั่วพริบตาเจ้าสัตว์เลื้อยคลานนักล่าร่างยักษ์ก็ตะครุบเหยื่อด้วยเขี้ยวและกรามอันแข็งแรงของมัน  แล้วมันก็อิ่มด้วยอาหารค่ำอย่างเอร็ดอร่อย  นักล่าเหยื่อที่ดุร้ายคือ มังกรโคโมโด  ท่านอาจจะคิดว่ามังกรเป็นสัตว์ในนิยายซึ่งอัศวินต่อสู้กับมังกรด้วยหอก  มังกรโคโมโดมีตัวตนจริง ๆ เดินอยู่บนพื้นโลกปัจจุบัน  มันไม่มีปีกบิน  และมันพ่นไฟออกจากปากไม่ได้  แต่มันเป็นสัตว์ที่พระเจ้าทรงออกแบบสร้างมันขึ้นมา

    มังกรโคโมโดสามารถเจริญเติบโตเต็มที่ลำตัวยาวประมาณ 3 เมตร 50 เซ็นต์  สองเท่าของคนและหนักประมาณ 100 กิโลกรัม  ช่วงขาสั้นแต่มันเดินเร็วได้ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  เร็วเท่ากับความเร็วของสุนัข  มังกรโคโมโดกินอาหารได้รวดเร็วเป็นพิเศษ  ฟันอันแหลมคมของมันออกแบบให้มันสามารกินอาหารได้เยอะ  มังกรโคโมโดสามารถกลืนเหยื่อทั้งตัวได้  มังกรโคโมโดตัวเมียสามารถฉีกหมูป่ากินทั้งตัวภายใน 17 นาที

    มังกรโคโมโดสามารถกินอาหารได้อย่างรวดเร็วเพราะกระเพาะของมันรับน้ำหนักได้ 80% ของน้ำหนักตัวมัน  โคโมโดหนัก 100 กิโลกรัมสามารถกินอาหารได้ 80 กิโลกรัม ลองคิดดูว่า ถ้ามนุษย์ที่มีน้ำหนักตัว 90 กิโลกรัมสามารถรับประทานแฮมเบอร์เกอร์ได้ 320 อันภายใน 20 นาที  มนุษย์ไม่สามารถรับประทานได้มากขนาดนั้น  แต่มังกรโคโมโดสามารถกินได้  ความสามารถในการกินของมันไม่หยุดอยู่แค่นั้น  ในปากของมังกรโคโมโดมีแบคทีเรียที่เป็นเพื่อนของมันซึ่งอาศัยอยู่ระหว่างซอกฟันอันแหลมคม  แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในปากของโคโมโดคอยทำหน้าที่กวาดเก็บกินเศษอาหารที่อยู่ตามซอกฟัน  แบคทีเรียที่อยู่ในปากไม่ทำอันตรายโคโมโด  แต่ถ้ามังกรโคโมโดไปฟัดกับศัตรูชนิดใดก็ตาม  แบคทีเรียจะทำให้เจ็บปวดเป็นพิษทำให้ศัตรูถึงตายได้  ท่านคงไม่ต้องการเห็นมันอยู่หลังบ้านของท่าน  มังกรโคโมโดมีน้อยมากทั้งหมดมีเหลืออยู่ประมาณ 4,000 ตัว  ส่วนมากอยู่ตามเกาะในประเทศอินโดนีเซีย  บางคนบอกว่ามังกรโคโมโดวิวัฒนาการขึ้นมาเองโดยบังเอิญ  นี่ไม่เป็นความจริง  มังกรโคโมโดจะเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญและมีแบคทีเรียที่เป็นพิษอยู่ในปากของมันโดยไม่ฆ่ามันแต่ฆ่าศัตรูได้อย่างไร?  ความจริงก็คือพระเจ้าเป็นผู้ออกแบบในการสร้าง  มังกรโคโมโดที่อัศจรรย์เพื่อข้าพเจ้าและท่านสามารถมองเห็นฤทธานุภาพของพระเจ้าในการสร้าง

ปลาไหลไฟฟ้า
    ปลาไหลไฟฟ้าสามารถมีประจุไฟฟ้าทำให้ท่านช๊อต 5 เท่ามากกว่าท่านจะเอานิ้วแหย่เข้าไปในปลั๊กไฟ  ประจุไฟฟ้าที่อยู่ในปลาไหลไฟฟ้าที่อัศจรรย์เกิดจากปลายประสาทจำนวนมากกระจายไปทั่วลำตัวของปลาไหลชนิดนี้  ปลายเส้นประสาทแต่ละเส้นมีกระแสไฟฟ้า  เมื่อเอาปลายเส้นประสาทมารวมเข้าด้วยกัน  ถ้าท่านไปสัมผัสจะทำให้เกิดไฟฟ้าช๊อตได้  ปลาไหลไฟฟ้าใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อสยบเหยื่อของมัน  ปลาไหลมีชั้นไขมันทำหน้าที่เป็นการระบายความร้อนเพื่อไม่ให้ตัวมันถูกไฟฟ้าช๊อตจากตัวมันเอง  ท่านคิดว่าปลาไหลไฟฟ้าได้ถูกออกแบบสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าผู้ทรงสร้างหรือมันเกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ?
https://commons.wikimedia.org/wiki/
File:Pheropsophus_verticalis_01_Pengo.jpg

ด้วงติดอาวุธ (Bombardier Beetle)
    ด้วงเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ ที่มีพิษร้ายกาจที่หน้าทองของมันเป็นกลไกป้องกันตัวที่ร้ายกาจ  ในลำตัวด้วงมีต่อมที่ผลิตสารเคมีเป็นพิษสะสมพิษนี้ไว้ใน "แทงค์เก็บ" เรียกว่า "Collection Vesicle"  สารเคมีที่ด้วงผลิตคือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และไฮโดรควีนอนส์  ถ้าศัตรูเข้ามาปะทะกับด้วง มันจะปล่อยสารเคมีทั้งสองออกจาก "ห้องระเบิด"  แล้วมันจะเพิ่มเอนไซม์เป็นส่วนผสมกับสารเคมีทั้งสองตัวดังกล่าว  ผลทำให้สารเคมีดังกล่าวผลิตเป็นของเหลวที่ร้อนจัดถึง 100 องศาเซลเซียส หรือ 212 องศาฟาเรนไฮท์  ขบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นแค่สองวินาที  ด้วงเล็กมีปืนกลขนาดจิ๋วหนึ่งคู่ขนาดเท่าปลายเข็มฉีดยาอยู่ตรงส่วนหางของมัน ด้วงจะใช้ปืนกลคู่นั้นยิงสารเคมีที่เป็นพิษดังกล่าวเข้าใส่ศัตรูของมัน  ทำให้คู่ต่อสู้ตายหรือแน่นิ่งไป  ด้วงบินจากไปด้วยความสะใจ  ด้วงสามารถผลิตสารเคมีที่เป็นพิษและเก็บไว้ใน "แทงค์เก็บ"  และสามารถพ่นสารเคมีเข้าใส่หน้าของศัตรูได้อย่างไร?  ด้วงบอมบาร์ดเดอร์ถูกออกแบบโดยพระเจ้าหรือว่ามันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ?


https://www.flickr.com/photos/lifeoftravel/3369221544
ตัวเกียจคร้าน (Sloth)
    สำหรับมนุษย์เดิน 5 ฟุตเป็นเรื่องเล็ก  เพียงแค่สองก้าวใหญ่เท่านั้น  ใช้เวลาเท่าไรในการเดินแค่ 2 ก้าว,  2 วินาทีหรืออย่างมากก็แค่ 5 วินาที  มีสัตว์ชนิดหนึ่ง เดินเร็วที่สุดอย่างเก่งก็เดินได้ 5 ฟุตต่อนาที  มันเคลื่อนตัวบนพื้นดินได้เร็วที่สุดแค่ 5 ฟุตภายใน 60 วินาทีเท่านั้น  นั่นเป็นสถิติการวิ่งที่เร็วที่สุดของตัวเกียจคร้าน  ความเร็วปกติของมันเดินได้ 13 ฟุตต่อหนึ่งชั่วโมง (แค่ 5 ก้าวของมนุษย์เท่านั้น)

    เจ้าตัวเกียจคร้านเดินเชื่องช้ามาก ๆ  แต่ความเชื่องข้าของตัวเกียจคร้านเป็นแค่ลักษณะอันหนึ่งของคุณสมบัติที่น่าทึ่งอันหนึ่งเท่านั้น  ตัวเกียจคร้านหรือ Sloth ใช้เวลาอยู่บนต้นไม้  มันใช้เวลานอน 18 ชั่วโมงต่อวัน (นี่เป็นที่มาของชื่อของสัตว์ชนิดนี้ที่เรียกว่า ตัวเกียจคร้าน)  ตัวเกียจคร้านใช้เวลาตื่น 6 ชั่วโมงต่อวัน  เวลานอนหลับของตัวเกียจคร้านส่วนมากมันจะนอนเอาหัวลง  มันจะกินจะนอนและทำหลายอย่างหัวกลับประมาณ 15 ชั่วโมงทุก ๆ วัน เพราะการใช้ชีวิตแบบหัวกลับ  พระเจ้าออกแบบอวัยวะภายในของตัวเกียจคร้าน (เช่น กระเพาะ ตับ ถุงน้ำดี) ไปอยู่ในที่ซึ่งไม่เหมือนกับสัตว์เลือดอุ่นชนิดอื่น   ตัวหมัด  แมลงหวี่  แมลงปีกแข็ง  ชอบอาศัยตามขนที่รุงรังของมัน  มีรายงานว่าตามลำตัวของตัวเกียจคร้านหนึ่งตัวจะมีแมลงหวี่ 100 ตัว  แมลงปีกแข็ง 1,000 ตัว และหมัด 1,000 ตัว  ตัวเกียจคร้านไม่เหมาะที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักที่นอนปลายเตียงนอนของท่าน  ตัวเกียจคร้านไม่สามารถวิวัฒนาการอวัยวะพิเศษและอาการเชื่องช้าของมัน

    คนที่เชื่องช้าในการเข้าใจว่าแบบในสัตว์ชนิดนี้และสัตว์ชนิดอื่นนับล้านคือคนที่ปฏิเสธว่าไม่มีพระเจ้า (โรม 1.28)  ความจริงคือว่ามีแบบในธรรมชาติ  ถ้ามีแบบแสดงว่ามีผู้ออกแบบ  อย่าให้พวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการทำให้ท่านตาบอดด้วยคำอ้างของพวกเขาที่บอกว่ามีแบบแต่แบบในสัตว์เหล่านี้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ นี่เป็นคำอ้างที่ไร้เหตุผลที่สุด

ตอบคำถาม คลิกที่นี่  https://docs.google.com/forms/d/1iUVDWZeC5j5UfUmMcZtgFKw1WQQN_yECZl1_5e8CrRc/viewform